พักหลังๆ มานี้มีปัญหาเรื่องเพื่อนสมาชิกซื้อลูกหมูเข้าแล้วมีปัญหาบ่อยๆ ผมเห็นเคสแบบนี้บ่อยๆ ทั้งในชีวิตจริงและในเฟสบุค เห็นกี่ครั้งก็ยังอดสลดไม่ได้ เสียดายเงิน เสียดายเวลา บางคนอยู่กับหมูมากกว่าลูกเมียแต่หมูก็ยังเสียหาย ล่าสุดมีเพื่อนคนหนึ่งอยากหัดเลี้ยงจึงมาปรึกษา ผมแนะนำไปว่า
ให้ไปหาแม่พันธุ์มาสักตัวหนึ่ง จะสองสายสามสายก็ขอให้หาอย่างสุดความสามารถ เพื่อมาหัดเลี้ยง ค่าตัวแม่พันธุ์ 10,000 ค่าอาหารแม่สาวจนคลอด ประมาณ 8,900 รวมต้นทุนค่าแม่พันธุ์ 18,900 คิด safety factor ให้แล้ว สมมุติได้ลูก 10 ตัว ต้นทุนจากแม่พันธุ์ตกที่ลูก 1,890 บาทต่อตัว รวมค่าเสื่อมแม่พันธุ์ 200 บาทต่อลูก 1 ตัวตีไป 2,100 บาทต่อตัว
ค่าอาหารตั้งแต่เกิดจากแม่จนขุนขายที่น้ำหนัก 105 กก. 3,920 บาท รวมต้นทุนจากแม่เท่ากับ 3,920+2,100 = 6,020 บาท รวมค่ายาค่าวัคซีนเผื่อ safety factor ไปเป็นตัวละ 300 บาท จะได้มูลค่าการลงทุนต่อลูก 1 ตัว 6,320 บาท รวมค่าแรงตัวเองไปด้วย 300 บาท เป็น 6,620 ต่อตัว ได้ลูก 10 ตัว ลงทุน 66,200 บาท สมมุติขายได้ กก. ละ 63 บาท ขาดทุน 32,000 บาท ระหว่างที่รอแม่คลอดกับรอลูกโตก็หาความรู้จากเฟสบุคไป อินเตอร์เน็ตไป ไปดูฟาร์มนั่นนี่ เลี้ยงแม่ตัวเดียวขายลูก ลงทุนเป็นแสนแล้ว เริ่มไม่สนุกอย่างที่คิดไว้ในตอนแรกเห็นไหมครับ....
สิ่งที่จะได้ในท้องต่อมาคือต้นทุนจากแม่พันธุ์รวมค่าเสื่อม 8,900+2,000=10,900 บาท ตกมาอยู่ที่ลูก 1,090 บาท เลี้ยงลูกจนขายลงทุนอีกตัวละ 3,920+1,090+300+300= 5,610 ถ้าขายได้ กก.ละ 63 บาทเท่าเดิม จะได้กำไรประมาณ 7,000 บาทต่อครอก ถ้าการผลิตสม่ำเสมอแบบนี้ทุกครอก ก็จะได้กำไรเรื่อยๆ นี่แหละที่เขาบอกว่าเลี้ยงแม่ขุนลูกขายได้กำไรกว่า อา... พอมองเห็นแสงสว่างรำไรทีเดียว
แต่อย่าลืมว่าที่พูดมานั้นเป็นเงินลงทุนทั้งหมด 66,200+56,100=122,300 บาท ใช้เวลา 10 เดือน ขายได้เงิน 63,000*2=126,400 กำไร 4,100 บาท กับระยะเวลา 10 เดือนมันไม่พอหรอกครับ ต้องเพิ่มแม่ ต้องลดต้นทุน ต้องเลี้ยงระยะยาว จึงจะได้กำไร ถ้าคิดเลี้ยงเก็งกำไรสั้นๆ น่ะหรือ... หึหึ ไม่ง่ายเลยทีเดียวนะ เพราะมันมีอุปสรรคและโอกาสหลายประการด้วยกัน เลี้ยงแม่พันธุ์ต้นทุนต่อรอบหลายหมื่น เปลี่ยนไปซื้อลูกเข้าดีกว่าไหม...
สมมุติโรคเข้า แม่แท้ง อากาศเปลี่ยนภูมิตก ชาวบ้านร้องเรียนกลิ่นเหม็น ราคาหมูตก ราคาอาหารขึ้น เผลอไปใช้ยาเถื่อนโดนปิดฟาร์ม ตรวจเจอสารเร่งเนื้อแดง โอย... แค่คิดก็สารพัดจะเวียนหัวแล้วครับผม สิ่งนี้ในทางยุทธศาสตร์เรียกว่าอุปสรรคครับ ส่วนโอกาสก็มากมายไหนจะราคาขึ้น หมูส่งออกรัสเซียได้ วัตถุดิบราคาลง หรือได้โควตาส่งออกยุโรป ฮ่องกง สิงค์โปร์ ขึ้นมา ในความเป็นจริงแล้ว อุปสรรคกับโอกาสมีความสอดคล้องกันอยู่ในทางปฏิบัติ ความจริงข้อนี้มีอยู่ว่า "อุปสรรคของคนอื่น เป็นโอกาสของเรา แม้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม" แล้วใครจะมาเห็นใจเกษตรกรมือใหม่ๆ กันล่ะเนี่ย ต้องรวมกลุ่ม ต้องหาตลาด ต้องทำโรงเชือด ต้องทำเขียง แน่ะคิดไปคิดมาโครงการเยอะเห็นไหมครับ... ถ้ารวมกันไม่ได้เราจะทำได้หมดนี่เลยเหรอ... ไม่น่าได้ถูกไหม....
แต่พอรวมกลุ่มกันได้ปุ๊ป เกิดเรื่องทันทีครับ ต่างคนต่างความคิด ไอ้นั้นถูกไอ้นี่ผิด คนนั้นได้สุตรเด็ด คนนี้หวงสูตร คนนั้นไม่ถูกกับคนนี้ แข่งกันขายของบ้าง โจมตีกันบ้าง ไม่รอดครับ... กลุ่มแตกดังเพล้ง... นายหน้ารับซื้อหมูไปส่งโรงเชือดยิ้ม หึหึหึ เหมือนเดิมเด๊ะ....
ดังนั้นก่อนจะลงทุนต้องศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ ตัวเลขที่แสดงไว้อาจจะไม่ถูกต้อง แต่มันก็จะประมาณนี้ล่ะครับ เว้นแต่จะมีวิธีลดต้นทุนดีๆ อันนี้เป็นเพียงต้นทุน + safety factor แบบสุดๆ กดเครื่องคิดเลขเอาครับ พอเพื่อนผมมันได้ฟังมันก็หอบเงินเก็บมันไปซื้อทองทันทีครับ ช่วงนี้ทองลง...
ยาวไปนิดนะครับ ลองคิดตามกันดู วงการนี้ไม่ง่ายดายอย่างที่คิด ถ้าคิดจะอยู่สิ่งที่ต้องมีไม่ใช่เลี้ยงหมูได้ แต่ต้องเลี้ยงเป็นครับ ต้องมีความเป็นนักบริหาร มองการณ์ไกล ไม่ใช่มานั่งอะไรก็ได้ ง่ายๆ นั่งเบื่อพวกหมอไร้สาระ แล้วหมูป่วยขาดทุน ขอย้ำว่าต้องศึกษาเรื่องของพันธมิตรการค้า การลงทุน การบริหาร มากกว่าจะไปนั่งศึกษาเรื่องสูตรอาหาร เรื่องตัวยาครับผม พวกนี้รู้บ้างให้พอรู้ ไม่ต้องรู้ลึกเกินไป ผมเองก็ยังศึกษาเรื่องยามาพอสมควร แต่สุดท้ายเราต้องเป็นนักลงทุนครับ ไม่ใช่ไปทำตัวเป็นหมอ ขวางคลองอย่างนั้น จะเก่งแบบไม่ฟังใครเลย มีอันเป็นไปทุกรายครับ...
สุดท้ายนี้ขอบคุณท่านที่อ่านแม้จะจบบ้างไม่จบบ้าง สรุปว่าให้ศึกษาให้ดีนะครับ การเลี้ยงหมูมันไม่หมู ถ้าไม่มั่นใจผมพูดตรงๆ เอาเวลาไปศึกษาให้ดีก่อนครับ หรือหัดเลี้ยงเล็กๆ เราไม่รู้จักใครในวงการ บารมียังน้อยจะไปใจใหญ่ไม่ได้ ลงตูมเดียวหลายแสน ก็เจ็บหลายแสน ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ศึกษานะครับ ทุกอย่างต้องมีการพัฒนา ขอให้โชคดีครับ ด้วยความเป็นห่วงครับ
https://www.facebook.com/tung.ronald?fref=nf
|
|
About น้ำเชื้อสุกร
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น